“ผมรู้ตัวว่าถ้าย้ายมาแล้วผมคงไม่ได้ลงเล่นทุกเกม แต่ที่ผมไม่รู้ก็คือ ผมจะรู้สึกยังไงถ้าไม่ได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ และผลที่ออกมาคือ ผมไม่รู้จะรับมือกับมันยังไง” เฮนนิ่ง เบิร์กบอก
“ตอนอยู่แบล๊กเบิร์น ผมได้ลงเป็นตัวจริงทุกนัด แต่ผมก็ไม่ได้ยินดีกับมัน และแม้จะรู้ว่าถ้าย้ายมาโอลด์ แทรฟฟอร์ด ผมจะไม่ได้รับโอกาสแบบนั้นอีก เพราะที่นี้มีการแข่งขันสูงมากแถมมีผู้เล่นดีๆ อีกมากมาย แต่ผมก็ยังผิดหวังอยู่ดี”
“ที่ผ่านมาผมเป็นตัวเลือกแรกๆ มาตลอด ทั้งในสโมสรและทีมชาติ แล้วพอต้องเป็นตัวสำรอง มันก็เป็นครั้งแรกเลยครับที่ผมรู้ว่าการนั่งข้างสนามมันเป็นยังไง”
“ผมเองก็รับมือกับความรู้สึกนั้นไม่ดีเลยด้วย ผมทั้งหงุดหงิดและผิดหวัง ผมยังต้องเจอความลำบากตอนได้รับโอกาสลงสนามอีก เพราะความกดดันมันมากมายจริงๆ รวมทั้งการที่ต้องเล่นให้ดีด้วย เพื่อจะได้มีโอกาสเล่นต่อไป แต่ก็โชคดีที่ผมปรับตัวและรับมือกับสถานภาพแบบนั้นได้ในที่สุด”
“ผมหยุดกังวลเกี่ยวกับนัดหน้า แล้วพยายามเล่นให้ดีที่สุดในทุกครั้งที่มีโอกาส และเลิกคิดถึงสถาณการณ์ของตัวเองซะที”
เฮนนิ่ง เบิร์ก เข้าร่วมการชิงตำแหน่งในระบบหมุนเวียนนักเตะของ เซอร์ อเล็กซ์ ที่ต้องการจะมีกลุ่มของผู้เล่นดีๆ ให้เลือกใช้งาน บางคนก็สามารถยึดตำแหน่งไว้ได้ แต่บางคนก็ไม่มีโอกาสนั้น และเบิร์ก ก็รู้ถึงความกดดันในตำแหน่งปราการหลังตัวกลางที่เต็มไปด้วยผู้เล่นชั้นเยี่ยม และมีประสบการณ์มากมาย
ความสามารถของเขานั้นได้รับการยอมรับทั้งในระดับสโมสร และทีมชาติ เขาลงเล่นให้แบล๊กเบิร์น ในลีกมากกว่า 150 นัดและเคยได้แชมป์พรีเมียร์ ในปี 1995 เคยเป็นผู้เล่นแห่งปีของนอร์เวย์ ในทีมชาติเขาก็ลงเล่นมากกว่า 50 นัด โดยมักจะจับคู่กับรอห์นนี่ ยอห์นเซ่น เซอร์ อเล็กซ์ ต้องจ่ายเงินเป็นค่าตัวของเขากว่า 5 ล้านปอนด์ เพื่อดึงตัวเขามาในช่วงปิดฤดูกาลเมื่อปี 1997
เบิร์กได้ลงสนามเป็นนัดแรกโดยลงเป็นตัวสำรองแทนคู่หูในทีมชาติของเขา ในเกมที่พบกับเซาแธมป์ตัน ไม่นานหลังจากเข้ามาร่วมทีม และมีส่วนสำคัญในฤดูกาลที่ได้ทริปเปิ้ล แชมป์
ผลงานในเกมยุโรปของเขาถือว่าโดดเด่นอย่างมากในการจับคู่กับยาป สตัม นัดที่เยี่ยมที่สุดคือรอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง ที่ไปเสมอกับอินเตอร์ มิลาน 1-1 ถึงอิตาลี และใครจะลืมลูกสกัดออกจากเส้นประตูกับลูกยิงที่ใครๆ ก็คิดว่าเข้าชัวร์ในชัยชนะนัดแรกที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ล่ะ
ฤดูกาลต่อมาเค้าก็ยังเริ่มต้นได้ดี จากอาการบาดเจ็บของรอนนี่ ยอห์นเซ่น ทำให้เขายึดตำแหน่งไว้ได้ แต่ความผิดพลาดในเกมที่พบกับฟิออเรนติน่า ที่อิตาลี ทำลายความมั่นใจของเขา และก็เริ่มฟอร์มตกอีกทั้งยังมีความกดดันเพิ่มขึ้นจากการย้ายเข้ามาของมิคาเอล ซิลแวสตร์
ต้นฤดูกาล 2000-01 เบิร์กก็ย้ายกลับไปเล่นให้กับแบล๊กเบิร์น เงียบๆ และช่วยให้ทีมกุหลาบไฟเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นพรีเมียร์ ได้สำเร็จ
สถิติ เบิร์กลงเล่นให้ทีมทั้งหมด 81 (บวกสำรองอีก 22 ) นัด ทำได้ 3 ประตู ลงเล่นทีมชาตินอร์เวย์ถึง 100 นัด (ยิงไป 9 ประตู) เป็นผู้เล่นคนเดียวที่ได้แชมป์พรีเมียร์ กับสองทีมต่างกัน (แบล๊กเบิร์น ในปี 95 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปี 99 กับ 2000)
หลังจากอยู่กับแบล๊กเบิร์น สามปี เขาก็ไปเล่นให้เรนเจอร์ส อยู่ฤดูกาลหนึ่งในปี 2003-04 ตอนนี้เขาอายุ 37 ปี เป็นผู้จัดการทีม ลินน์ ออสโลว์ ในนอร์เวย์
Eric the King
2001-2024 RED ARMY FANCLUB Official Manchester United Supporters Club of Thailand. #ThaiMUSC